เก็บกระดูก หลัง เผา และลอยอังคาร – ส่งดวงวิญญาณผู้จากไป
การฌาปนกิจศพนับเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของคนไทย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมนี้ ญาติผู้ใกล้ชิดมักจะมีการเก็บกระดูกของผู้วายชนม์ เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นที่ระลึก หรือทำพิธีกรรมทางศาสนาเพิ่มเติมอย่างการลอยอังคาร บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมาย ขั้นตอน และสถานที่สำหรับการเก็บกระดูก รวมถึงพิธีกรรมลอยอังคาร เพื่อให้เราสามารถดูแลและส่งดวงวิญญาณของผู้จากไปด้วยความเคารพศรัทธา
ความหมายของการเก็บกระดูก
ความเชื่อและที่มาของประเพณี
การเก็บกระดูกหลังการฌาปนกิจศพ มีความเชื่อและที่มาจากประเพณีโบราณ มนุษย์มีความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและชีวิตหลังความตาย กระดูกถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่หลงเหลืออยู่ จึงมีการเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงผู้วายชนม์
ในอดีต นิยมเก็บกระดูกไว้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การบรรจุในเจดีย์ หรือเก็บไว้บนหิ้งบูชา เพื่อแสดงความเคารพและระลึกถึงผู้จากไป
วัตถุประสงค์ของการเก็บกระดูก
การเก็บกระดูกหลังการฌาปนกิจศพ มีวัตถุประสงค์หลักดังนี้
- เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นที่ระลึก: กระดูกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่หลงเหลืออยู่ การเก็บรักษาไว้จึงเป็นสิ่งที่แสดงถึงความผูกพัน ความเคารพ และความอาลัยต่อผู้วายชนม์
- เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา: ในบางศาสนามีความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและชีวิตหลังความตาย การเก็บกระดูกไว้จึงเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การบรรจุในเจดีย์ หรือเก็บไว้บนหิ้งบูชา
- เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษา: การเก็บกระดูกไว้ สะดวกต่อการเก็บรักษา เคลื่อนย้าย และดูแลรักษามากกว่าการเก็บเถ้ากระดูกทั้งหมด
ขั้นตอนการเก็บกระดูก
เตรียมตัวก่อนวันเก็บกระดูก
- กำหนดวันและเวลา: แจ้งกำหนดวันและเวลาเก็บกระดูกให้กับญาติและผู้เกี่ยวข้องทราบ โดยทั่วไปจะทำพิธีเก็บกระดูกหลังจากฌาปนกิจศพประมาณ 1-2 วัน
- เตรียมอุปกรณ์: เตรียมอุปกรณ์สำหรับการเก็บกระดูก เช่น ตะหลิว ช้อน ภาชนะสำหรับใส่อัฐิ ผ้าขาวบาง และน้ำสะอาด
- เตรียมชุด: เตรียมชุดสีขาวหรือชุดสุภาพสำหรับสวมใส่ในพิธีกรรม
พิธีกรรมเก็บกระดูก
- พระสงฆ์จะสวดบังสุกุลหน้าเมรุ
- เจ้าภาพนำตะหลิวและช้อนตักกระดูกจากเตาเผา โดยเริ่มจากชิ้นใหญ่เรียงลำดับไปจนถึงชิ้นเล็ก
- ระหว่างการเก็บกระดูก พระสงฆ์จะสวดมนต์บทกรุณาญาติ
- เมื่อเก็บกระดูกเสร็จเรียบร้อย นำกระดูกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ปิดฝาให้สนิท
- พระสงฆ์จะสวดมนต์อวยพร
ภาชนะสำหรับใส่อัฐิ
ภาชนะสำหรับใส่อัฐินั้นมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความชอบและงบประมาณ เช่น
- โกศ: เป็นภาชนะแบบดั้งเดิม นิยมทำจากไม้หรือโลหะ มีหลายขนาดและลวดลายให้เลือก
- เรือนบรรจุอัฐิ: เป็นภาชนะแบบทันสมัย นิยมทำจากเซรามิก แก้ว หรือโลหะ มีดีไซน์เรียบหรู สวยงาม
- ถุงผ้า: เป็นภาชนะแบบเรียบง่าย สะดวกต่อการเก็บรักษา เคลื่อนย้าย และดูแลรักษา
สถานที่สำหรับเก็บรักษาอัฐิ
เก็บรักษาที่วัด
การเก็บรักษาอัฐิที่วัดเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด โดยมีข้อดีดังนี้
- สะดวก: มีสถานที่สำหรับเก็บรักษาอัฐิ ญาติสามารถไปสักการะได้สะดวก
- ปลอดภัย: มีพระสงฆ์ดูแลรักษา ป้องกันการสูญหายหรือถูกขโมย
- ประหยัด: ค่าใช้จ่ายไม่สูง มีหลายรูปแบบให้เลือก
เก็บรักษาที่บ้าน
การเก็บรักษาอัฐิที่บ้านมีข้อดีดังนี้
- ใกล้ชิด: ญาติสามารถสักการะและรำลึกถึงผู้วายชนม์ได้ทุกเมื่อ
- สะดวก: ไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่อื่น
- เป็นส่วนตัว: ญาติสามารถจัดพิธีกรรมสักการะตามความเชื่อและประเพณีของครอบครัว
ทางเลือกอื่นๆ
นอกจากการเก็บรักษาอัฐิที่วัดหรือที่บ้านแล้ว ยังมีทางเลือกอื่นๆ ดังนี้
- ลอยอังคาร: เป็นการนำอัฐิไปโปรยลงในแม่น้ำ ทะเล หรือสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อส่งดวงวิญญาณผู้วายชนม์สู่สุคติ
- ทำเป็นเพชรอัฐิ: เป็นการนำอัฐิไปผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อเปลี่ยนเป็นเพชร เก็บไว้เป็นที่ระลึก
- ปลูกต้นไม้: เป็นการนำอัฐิไปผสมกับดินและปลูกต้นไม้ เป็นการระลึกถึงผู้วายชนม์และคืนสู่ธรรมชาติ
ลอยอังคาร – พิธีกรรมปล่อยสู่สายน้ำ
ความหมายและความเชื่อลอยอังคารเ
การลอยอังคารเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่นิยมปฏิบัติกัน มีความหมายและความเชื่อดังนี้
- การปล่อยวาง: เป็นการปล่อยวางวิญญาณผู้วายชนม์ให้ไปสู่สุคติ
- การกลับคืนสู่ธรรมชาติ: เป็นการคืนอัฐิซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายกลับสู่ธรรมชาติ
- การระลึกถึง: เป็นการแสดงความอาลัยและระลึกถึงผู้วายชนม์
ขั้นตอนการลอยอังคาร
- เตรียมอัฐิและอุปกรณ์สำหรับการลอยอังคาร
- เดินทางไปยังสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการลอยอังคาร เช่น แม่น้ำ ทะเล หรือสถานที่ที่ผู้วายชนม์เคยชอบ
- ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น สวดมนต์ กรวดน้ำ และปล่อยอังคารลงในน้ำ
สถานที่เหมาะสมสำหรับการลอยอังคาร
สถานที่เหมาะสมสำหรับการลอยอังคาร ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ประเพณี และความสะดวกของญาติ โดยทั่วไปนิยมลอยอังคารในสถานที่ดังนี้
- แม่น้ำ: นิยมลอยอังคารในแม่น้ำสายใหญ่ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำโขง
- ทะเล: นิยมลอยอังคารในทะเล เช่น อ่าวไทย ทะเลอันดามัน
- สถานที่ศักดิ์สิทธิ์: นิยมลอยอังคารในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น วัด โบสถ์
การดูแลรักษาอัฐิ
วิธีการเก็บรักษาอัฐิให้ถูกต้อง
- เก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท: ป้องกันอัฐิจากฝุ่นละออง ความชื้น และแมลง
- เก็บไว้ในที่อุณหภูมิห้อง: หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป
- หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน: อัฐิมีความเปราะบาง ควรเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง
- ทำความสะอาดภาชนะ: ทำความสะอาดภาชนะใส่
ข้อควรระวังในการเก็บรักษาอัฐิ
- ไม่ควรวางอัฐิไว้บนหิ้งพระ: โดยทั่วไปไม่นิยมวางอัฐิไว้บนหิ้งพระ ควรแยกไว้ต่างหาก
- ไม่ควรนำอัฐิออกจากภาชนะ: อัฐิมีความเปราะบาง ควรเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท
- ไม่ควรนำอัฐิไปต่างประเทศ: กฎหมายบางประเทศห้ามนำอัฐิเข้าประเทศ ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง
บทสรุป
การเก็บกระดูกและลอยอังคาร เป็นประเพณีไทยที่แสดงถึงความเคารพและอาลัยต่อผู้วายชนม์ ญาติควรเลือกวิธีการเก็บรักษาอัฐิที่เหมาะสม ดูแลรักษาอัฐิอย่างถูกต้อง และประกอบพิธีกรรมด้วยความศรัทธา เพื่อส่งดวงวิญญาณผู้จากไปสู่สุคติ
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
1. เก็บกระดูกไว้ที่ไหนดี?
การเก็บกระดูกไว้ที่ไหนดี ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ประเพณี และความสะดวกของญาติ โดยทั่วไปนิยมเก็บกระดูกที่วัด เก็บไว้ที่บ้าน หรือลอยอังคาร
2. ลอยอังคารที่ไหนดี?
สถานที่ลอยอังคารที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ประเพณี และความสะดวกของญาติ โดยทั่วไปนิยมลอยอังคารในแม่น้ำ ทะเล หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
3. เก็บอัฐิอย่างไรให้ถูกต้อง?
การเก็บอัฐิให้ถูกต้อง ควรเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท เก็บไว้ในที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน และทำความสะอาดภาชนะใส่
4. มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการเก็บรักษาอัฐิ?
ข้อควรระวังในการเก็บรักษาอัฐิ คือ ไม่ควรวางอัฐิไว้บนหิ้งพระ ไม่ควรนำอัฐิออกจากภาชนะ และไม่ควรนำอัฐิไปต่างประเทศ
5. การเก็บกระดูกและลอยอังคารสำคัญอย่างไร?
การเก็บกระดูกและลอยอังคาร เป็นประเพณีไทยที่แสดงถึงความเคารพและอาลัยต่อผู้วายชนม์ ญาติควรเลือกวิธีการเก็บรักษาอัฐิที่เหมาะสม ดูแลรักษาอัฐิอย่างถูกต้อง และประกอบพิธีกรรมด้วยความศรัทธา เพื่อส่งดวงวิญญาณผู้จากไปสู่สุคติ